จากกระดานหุ้นสู่กระดานเกม โดยไม่ผ่านกระดานดำ
Creatorsgarten คือทีมวัยรุ่นพลังเหลือล้นที่กลับมาร่วมใน Learning Fest Bangkok เป็นปีที่ 2 และหนึ่งในประเด็นที่วัยรุ่นกลุ่มนี้กำลังสนใจ คือเรื่องที่หลายคนต่างพูดว่าเป็นเรื่องสำคัญต่อชีวิตในภายภาคหน้าของเด็กทุกคน แต่โรงเรียนทั่วไปกลับไม่เคยสอน ซึ่งก็คือเรื่องเงินและการลงทุน
จึงเป็นที่มาของกิจกรรมเวิร์กช็อป Invest or Gamble? การเงินนอกห้องเรียน ที่ดูจากชื่อก็รู้ว่ากิจกรรมนี้จะชวนเราตั้งคำถามถึงการเอาเงินลงไปกองไว้ที่ไหนสักแห่งในระบบเศรษฐกิจให้มูลค่างอกเงย ว่าแบบไหนที่เรียกว่าการลงทุน และแบบไหนคือการพนัน รวมถึงวัยรุ่นที่กำลังจะเติบโตขึ้นมารับผิดชอบการเงินของตัวเอง ว่าจะเรียนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
โครงสร้างของกิจกรรมความยาวหนึ่งบ่ายนี้ถูกวางไว้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ที่ทีมผู้จัดตั้งใจว่าจะไม่พยายามอัดแน่นทฤษฎีหรือหลักการลงทุนมากเกินไป จนกลายเป็นคาบเรียนที่น่าเบื่อ แต่เป็นเหมือนการยิงทีเซอร์กระตุกความสนใจเรื่องการลงทุน ต่อด้วยการเปิดศึกวัดใจลงทุนผ่านบอร์ดเกม เพื่อให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้รู้จักพื้นฐานของตัวเอง แล้วไปหาข้อมูลที่ตัวเองสนใจกันต่อนอกห้องเวิร์กช็อป
Invest or Gamble? การเงินนอกห้องเรียน เริ่มด้วยการพูดคุยทำความรู้จัก แนะนำตัว และแชร์ประสบการณ์กันว่าแต่ละคนเคยลงทุนแบบใดมาบ้าง สนใจการลงทุนแบบไหนและอยากลงทุนเพื่ออะไร ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่การบรรยายกึ่งทางการ ว่าด้วยเรื่องการเงินและการลงทุนในโลกยุคปัจจุบัน ที่ผู้จัดได้ค้นคว้าและรวบรวมกรณีศึกษาในสื่อต่าง ๆ จากพลังความสนใจของตัวเองล้วน ๆ พร้อมย้ำอยู่ตลอดว่าสิ่งที่บอกกล่าวกันอยู่นี้ไม่ใช่สูตรสำเร็จ มีข้อมูลอีกมากมายให้ค้นคว้า และทุกคนสามารถไปงมหาข้อมูลในห้วงอินเทอร์เน็ตกันต่อได้ตามสะดวก
Invest or Gamble?
ลงทุนกับพนันต่างกันตรงไหน? หลายคนอาจนึกว่าเป็นสถานที่ เพราะการลงทุนมักเกิดในตลาดหุ้น ร้านทอง หรือบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์เพื่อซื้อขายกองทุนหรือหุ้น ส่วนการพนันมักเกิดในบ่อนกาสิโน สนามม้า หรือพื้นที่อโคจร แต่หากพิจารณาดี ๆ ในแง่ของวิธีการจัดการความเสี่ยง การพนันอาจเกิดขึ้นในตลาดหุ้นก็ได้ หากนั่นเป็นการเอาเงินทุนไปลงตามกระแสหรือตามความรู้สึก ซึ่งตัดสินใจโดยปราศจากข้อมูลสำคัญ แต่ในทางกลับกัน สนามพนันอาจกลายเป็นพื้นที่ลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกลับมาได้เหมือนกัน ถ้าอยู่บนพื้นฐานของการคำนวณความเสี่ยงและความน่าจะเป็นที่รัดกุมพอ
กรณีศึกษาจาก Edward O. Thorp นักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน ที่เฝ้าสังเกตเพื่อหาจุดร่วมของการเล่นเกมพนันชนิดต่าง ๆ และประยุกต์ใช้หลักสถิติจนสามารถเข้าบ่อนไปเอาชนะเจ้ามือในเกมไพ่แบล็กแจ็กแล้วกลายเป็นเศรษฐีได้ แถมเขายังใจกว้างถ่ายทอดวิธีการคำนวณความน่าจะเป็นจากการนับไพ่ โดยเขียนเป็นหนังสือขายดีติดอันดับที่ชื่อ Beat the Dealer อีกด้วย ส่วนตัวเขาเองก็ถูกแบนจากกาสิโนทั่วประเทศไม่ให้เข้าไปเล่นพนัน กลายเป็นจุดพลิกผันให้เขาทิ้งโลกการพนันเข้าสู่โลกการลงทุน และกลายเป็นผู้จัดการกองทุนที่สร้างผลตอบแทนมหาศาล
ชีวิตของ Edward สอนให้รู้ว่า คนที่หาเงินได้จากการลงทุนมักเริ่มจากสิ่งที่พวกเขาสนใจและถนัด จนนำไปประยุกต์ใช้กับการเก็งกำไรได้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้น Edward ก็มีปัจจัยอื่นในสูตรสำเร็จของเขาที่นอกเหนือไปจากการเก่งเลข เพราะเขามีวินัยและนิสัยที่นักพนันและนักลงทุนที่ควรมี ซึ่งได้แก่
- กำหนดงบประมาณในการเล่นทุกครั้ง
- วางเดิมพันให้ได้สัดส่วนกับโอกาสที่จะชนะ
- หยุดเล่นเมื่อถึงขีดจำกัดการได้กำไรและขาดทุนที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น
- ควบคุมอารมณ์ตัวเองและไม่ปรับแผนตามอารมณ์ที่เกิดขึ้นขณะเล่น
บริหารเงินอย่างไร? ลงทุนแบบใด?
การเงินดีไม่ได้การันตีว่าชีวิตจะดี แต่หลายคนก็รู้ว่าถ้ามีเงิน ชีวิตก็คงไม่ยากลำบากนัก และทุกคนก็ควรจะสำรอง “เงินฉุกเฉิน” ไว้ใช้กับเหตุไม่คาดฝันเสมอ และอย่างน้อย เงินก้อนนั้นควรครอบคลุมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตามปกติได้สัก 3–6 เดือน
แต่การเก็บเงินเก่งไม่ได้ทำให้รวย เพราะการออมเงินในธนาคารอย่างเดียวได้ดอกเบี้ยตอบแทนน้อยมาก การจะรวยหรือยกฐานะทางการเงินขึ้นมานั้นจึงต้องทำให้งอกเงยด้วยการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสลากออมทรัพย์ ที่ได้ทั้งดอกเบี้ยและได้ลุ้นรางวัลใหญ่ หากพร้อมเสี่ยงขึ้นมาอีกขั้น ก็อาจเพิ่มการลงทุนในกองทุนรวม ที่มีผู้จัดการกองทุนช่วยบริหารเงินลงทุนของเรา หากมั่นใจในตัวเองขึ้นกว่านั้น บางคนอาจลงทุนโดยการเรียนรู้และลงทุนซื้อหุ้นรายตัว หรือคริปโตเคอร์เรนซีด้วยตัวเอง
หลักการลงทุนบนกระดานหุ้นในปัจจุบันมี 2 แบบหลัก ๆ คือ Fundamental Analysis ซึ่งเป็นแนวทางที่นักลงทุนระดับตำนานอย่าง Warren Buffet เลือกใช้ เป็นการมองหุ้นเหมือนธุรกิจหนึ่ง และอีกแบบหนึ่งคือ Technical Analysis เป็นการลงทุนโดยการวิเคราะห์กราฟ ว่าหุ้นตัวนั้น ๆ มีโอกาสไต่ระดับและเพิ่มมูลค่ามากขึ้นแค่ไหน ในกรอบเวลาที่เราสนใจ
นอกจากนี้ ผู้จัดให้ไอเดียเรื่องการลงทุนสาย Quant หรือ Quantitative Fund ที่เขาสนใจเป็นพิเศษ โดยนักลงทุนต้นแบบของสายนี้คือ Jim Simons ที่นำหลักสถิติและโมเดลทางคอมพิวเตอร์มาสร้างแบบจำลองทางการเงิน เพื่อคาดการณ์ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ประกอบการตัดสินใจลงทุน และเขาเคยสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนได้สูงถึง 39% ต่อปี
จากกระดานหุ้น สู่กระดานเกม
เวิร์กช็อปครั้งนี้ตั้งใจให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเชื่อมโยงความรู้เหล่านี้กลับไปยังกระเป๋าเงินของตนเอง หรืออย่างน้อยได้รู้จักลักษณะนิสัยของตัวเองว่าเหมาะกับการลงทุนแบบใด ด้วยบอร์ดเกมล่าสมบัติ และเกมประมูลอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผู้เล่นต้องสวมบทเป็นนักลงทุนตามกติกาและปัจจัยที่ตนเองควบคุมไม่ได้ ต้องชิงไหวชิงพริบ วางแผนหากลยุทธ์เพื่อเอาชนะคู่แข่งให้ได้ รวมถึงเดาทางคู่แข่งและบริหารความเสี่ยงให้ดีเพื่อชนะในเกมให้ได้ แต่ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะในเกม ต่างก็ได้ข้อคิดติดตัว ที่สามารถใช้กับการบริหารความเสี่ยงในการลงทุนในชีวิตจริงได้
การแชร์ประสบการณ์และสะท้อนผลหลังจบเกม ผู้เล่นแต่ละคนต่างบอกตรงกันว่า ถ้ากล้าเสี่ยงสูงก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง และผู้ชนะในแต่ละกระดานมีสไตล์การเล่นที่คล้าย ๆ กัน คือ พยายามทำความเข้าใจคู่แข่งและเกมให้มากที่สุด บางคนยอมอ่อนข้อในการเล่นเกมรอบแรก ๆ เพื่อศึกษาสไตล์การเล่นของคู่แข่ง เพื่อเอาชนะในรอบหลัง และยังกำหนดวงเงินที่จะลงทุนในแต่ละรอบ เมื่อได้รับตอบแทนตามแผนจนถึงจุดที่กำหนดแล้วจะพอใจ ไม่โลภ และยอมหยุดเล่น ในขณะที่ส่วนคนแพ้ก็ยอมรับว่า เสี่ยงเยอะไปหน่อย คาดหวังผลตอบแทนสูงเกินไป จนยอมทุ่มหมดหน้าตัก แต่ก็ต้องแพ้ในที่สุด
ทิ้งท้ายก่อนลงทุน
- ก่อนลงทุน ต้องมีเงินทุน อย่าใช้เงินส่วนที่ต้องเป็นรายจ่ายประจำเพื่อลงทุน
- ลงทุนกับตัวเองก่อนผ่านการ upskill และยุคนี้มีคอร์สฟรีออนไลน์ให้เลือกเรียนมากมาย เช่น Coursera เรียนจบมีประกาศนียบัตรนำไปสมัครงาน เพิ่มรายได้
- แต่ละเดือนควรเก็บอย่างน้อย 10% ของรายรับ ช่วงแรกไม่รู้จะลงทุนอะไรก็อาจฝากออมทรัพย์กับธนาคารไว้ก่อน
- ทำเงินเก็บให้งอกเงย ถ้ายังไม่เชี่ยวเรื่องการลงทุน ลองเลือกลงทุนในกองทุนรวม โดยใช้วิธีการลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Average) คือ การนำเงินจำนวนเท่า ๆ กันทุกงวดไปลงทุนในสินทรัพย์ที่เราเลือกลงทุนในระยะเวลาเท่า ๆ กัน เช่น ทุก ๆ วันที่ 1 ของเดือน แต่หากใครรู้สึกว่าอยากเรียนรู้เรื่องการลงทุนให้มากขึ้น ระหว่างที่ลงทุนแบบ DCA ก็อาจศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมและมองหาการลงทุนแบบอื่น ๆ ต่อไป