Home

เดินตาม “จีบ” แต่เยาวราชไม่เขิน

เดินตามจีบที่เยาวราช เป็นหนึ่งในกิจกรรมทัวร์เดินเท้าซึ่งเกิดขึ้นภายใต้เทศกาลการเรียนรู้กรุงเทพฯ Learning Fest Bangkok 2024 จัดขึ้นโดย HappeningBKK พันธมิตรหน้าใหม่ที่มาพร้อมความกระตือรือร้นที่จะพาทุกคนไปเยือนเยาวราชย่านดังและทรงเสน่ห์ ตามคอนเซ็ปต์ “I change, therefore I am” หรือ “เปลี่ยน อยู่ คือ” ที่ HappeningBKK เชื่อว่าต้องเริ่มจากการก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความเข้าใจรากของวัฒนธรรมเดิม ตระหนักในคุณค่าของตัวเอง จึงจะนำไปสู่การพัฒนาท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงได้

ภาพถ่ายย่านเยาวราชในอดีต ที่โรงแรมอาศัย (ASAI) ไชน่าทาวน์

ชื่อทริปเก๋ ๆ ที่ HappeningBKK ตั้งใจตั้งขึ้นมาว่า “เดินตามจีบ” อาจฟังดูโรแมนติก แต่จริง ๆ แล้ว นี่คือกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวสายกินโดยแท้ ทริปนี้เป็นการเดินระยะสั้น ๆ ประมาณ 3 กิโลเมตร ตระเวนชิมและช็อปขนมจีบหลากหลายร้านกันแบบอิ่มหนำสำราญใจ และสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต เป็นการเรียนรู้วัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจอย่างกลมกล่อม

เยาวราชถือเป็นหนึ่งในชุมชนที่มีสีสัน มีบทบาทสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของไทยมานานนับตั้งแต่ตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นต้นมา นอกจากนี้ ในสายตาคนทั่วโลก เยาวราชคือแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นศูนย์กลางของสตรีทฟู้ด สีสันยามค่ำคืน หยิบเป็นภาพแทนของความเป็นไทยแบบร่วมสมัยได้อย่างไม่เคอะเขิน เพราะขนาด ลิซ่า ยังใช้เยาวราชเป็นที่ถ่ายทำวีดีโอซิงเกิลเปิดตัวของเธอในฐานะศิลปินเดี่ยวเลยทีเดียว

ขนมจีบที่ร้านแต้เล่าใช่หลี

และเพราะเยาวราชเป็นศูนย์กลางของสตรีทฟู้ด “ขนมจีบ” จึงได้รับเลือกเป็นตัวเอกของทริปนี้ เพราะขนมจีบเป็นของว่าง อาหารทานเล่น หรือแม้กระทั่งรับประทานจริงจัง ที่ทุกคนรู้จักและชื่นชอบ และที่สำคัญคือ ในอาหารทานเล่นชิ้นพอดีคำเหล่านี้ รวมทั้งเส้นทางเดินจากร้านหนึ่งไปอีกร้านหนึ่ง ยังแฝงไว้ด้วยเรื่องราวมากมาย

คุณสมชัย กวางทองพาณิชย์ หรือ เฮียสมชัย นักประวัติศาสตร์ชุมชน เริ่มพาคณะเดินตามจีบจากโรงแรมอาศัย ไชน่าทาวน์ มุ่งหน้าไปจุดหมายแรกคือ จกโต๊ะเดียว หนึ่งในร้านดังเยาวราชที่อยู่ในมิชลินไกด์ เดินผ่านตรอกเจริญไชย 2 หรือตรอกกระดาษที่เป็นแหล่งผลิตเครื่องเซ่นไหว้กระดาษที่ใหญ่มาก ซึ่งปากซอยเป็นตึกเก่าที่เรียกว่าตึกฝรั่งเพราะเป็นทรงและมีการตกแต่งสไตล์ยุโรป แม้จะเก่าแต่ก็ยังมีเสน่ห์ 

คุณสมชัย กวางทองพาณิชย์ (เฮียสมชัย)

ในตรอกเล็ก ๆ นี้ผ่าน บ้านเก่าเล่าเรื่อง พิพิธภัณฑ์ขนาดกะทัดรัด จัดแสดงชุดงิ้ว อุปกรณ์การแสดงน่าสนใจในบ้านตึกโบราณ ที่มีประตูเหล็กเชื่อมไปบ้านข้าง ๆ เฮียสมชัยเล่าว่าคนสมัยก่อนเจาะผนังทำประตูไว้ให้คนในตึกแถวเดียวกันเดินไปมาหาสู่กันได้สะดวก นอกจากนี้ ในตรอกเดียวกันยังมีร้านขายก๋วยเตี๋ยว ข้าวหมูแดง เครื่องดื่มต่าง ๆ รายทาง ยั่วให้ชาวคณะเดินตามจีบปันใจให้ของกินระหว่างทางไปไม่น้อย

บรรยากาศภายในบ้านเก่าเล่าเรื่อง

“จกโต๊ะเดียว” ประเดิมคำถามแรกว่า มาเดินตามจีบ แต่ทำไมพาไปกินเกี๊ยว เพราะสิ่งที่ได้ชิมหน้าตาเป็นเกี๊ยวชัด ๆ คำตอบคือจริง ๆ เกี๊ยวกับขนมจีบก็เป็นญาติ ๆ กัน ลักษณะคือการคลึงแป้งเป็นแผ่นบางหุ้มไส้ที่ทำจากเนื้อสัตว์หรือผักแล้วนึ่งหรือต้ม ชนิดของแป้งและไส้แตกต่างกันไปตามภูมิภาคและผลผลิต เช่น ภาคเหนือจะใช้แป้งสาลี ส่วนภาคใต้เป็นแป้งข้าวเจ้า ภาคเหนือจะใช้ไส้หมู ส่วนภาคใต้อยู่ใกล้ทะเลจะมีกุ้งเป็นส่วนประกอบ ร้านนี้มีความเชี่ยวชาญเรื่องอาหารทะเลมาก่อน เกี๊ยวกุ้งร้านนี้จึงเด้งสู้ฟัน นุ่มลิ้น 

บรรยากาศหน้าร้านจกโต๊ะเดียว

เฮียสมชัยเล่าว่า ขนมจีบ หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า ซาวม่าย ซึ่งสำเนียงอาจจะเพี้ยนกันไปบ้างในแต่ละท้องถิ่น ถ้าแปลตามศัพท์จะมีความหมายว่า ของแถม เพราะเดิมนั้น คนที่เดินทางบนเส้นทางสายไหม จะแวะดื่มชาตามร้านข้างทาง ร้านเหล่านี้มีของกินหลายอย่างมาให้กินแกล้มเป็นของแถม หนึ่งในนั้น คือ ขนมแป้งห่อไส้นึ่งนี่เอง 

บรรยากาศหน้าร้านเฉินติ่มซำ

จากนั้น คณะมุ่งหน้าไปตามตรอกอิสรานุภาพ ผ่านร้าน เฉินติ่มซำ ที่ชี้ให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยอย่างชัดเจน เพราะใช้เครื่องจักรมาผลิตขนมจีบ เพื่อสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และร้าน ลิ้มอ่วงซุย ร้านเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นขนมจีบรสชาติเข้มข้นแบบแต้จิ๋ว 

ขนมจีบที่ร้านลิ้มอ่วงซุย

จากนั้นคณะเราเดินลัดเลาะไปตามตรอกเล็กซอกน้อย ให้ได้สัมผัสบรรยากาศชุมชนโบราณที่สร้างบ้านเรือนติด ๆ กัน บางแห่งเป็นโรงงิ้วเก่าที่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป ทางเดินไม่กว้างนัก แค่พอเดินสวนกันได้ แต่พอมายุคนี้ มีมอเตอร์ไซค์ มีรถเข็นของผ่านไปมา คนที่สัญจรต่างต้องเอื้อเฟื้อกัน หลีกทางกันด้วยน้ำใจ

บรรยากาศหน้าร้านฮั่วเซ่งฮง

หลุดออกจากตรอกมาเดินบนถนนใหญ่ ผ่านร้าน ฮั่วเซ่งฮง ซึ่งปัจจุบันมีสาขาตามห้างใหญ่ ๆ ด้วย และเป็นเจ้าตำรับขนมจีบมาตรฐานที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของร้านให้ทันวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ที่ชอบเดินห้าง แต่ยังคงหลงใหลในรสชาติอาหารจีนแท้ ๆ ส่วนฝั่งตรงข้าม เป็นร้านขายของที่ระลึกชื่อ ลิ้มจิ่งเฮียง ที่เฮียสมชัยบอกว่าป้ายชื่อหน้าร้านเป็นลายมือที่สวยมากที่สุด

ร้านแต้เล่าใช่หลี

อีกสองร้านถัดมาอยู่ใกล้กัน ให้อารมณ์เหมือนซื้อขนมจีบนึ่งใหม่ร้อน ๆ หน้าโรงเรียน ร้านแรกคือ ร้าน แต้เล่าใช่หลี ที่ชิมแล้วถ้าถูกใจต้องซื้อเลย อย่าหวังว่าค่อยกลับมาซื้อทีหลัง เพราะแค่เราเดินคล้อยหลังไปก็ขายหมดแล้ว ส่วนร้านใกล้กันคือ ร้าน ไต้แป๊ะ ภัตตาคารเก่าที่มีชื่อเสียงมาก เป็นที่นิยมของนักชิมและเจ้าสัวทั้งหลายตั้งแต่ก่อนที่อาหารเหลาจะกลายมาเป็นอาหารที่คนนิยม และกลายมาเป็นสตรีทฟู้ดที่คนทั่วโลกต้องมาชิม

บรรยากาศหน้าร้านไต้แป๊ะ

จากถนนใหญ่ เราเลี้ยวเข้าถนนเล็กอีกครั้ง พบกับมุมลับที่รู้จักกันในชื่อ ตรอกผูกคอ แน่นอนว่าเมื่อมีความสำเร็จ ก็ย่อมมีความล้มเหลว ตรอกนี้เดิมเป็นซอยเปลี่ยวไม่มีบ้านเรือน คนเดินน้อย เดิมมีต้นไม้ใหญ่ซึ่งผู้ที่ไม่สมหวังใช้เป็นสถานที่ผูกคอเพื่อหนีความทุกข์ แม้ประวัติศาสตร์จะฟังดูหม่น ๆ แต่ทุกวันนี้บรรยากาศตรงข้ามกับสมัยก่อนมาก มีร้านกาแฟและโรงแรมลับเก๋ ๆ หลายแห่งที่น่าแวะเข้ามาชม 

ขนมจีบบ้านอาเหลียง

ขนมจีบสองร้านสุดท้าย คือ บ้าน อาเหลียง ที่นึ่งขนมจีบในซึ้งขนาดกว้างประมาณหนึ่งเมตร ซึ่งส่งขายหลายที่ เป็นหนึ่งในร้านที่เฮียสมชัยบอกว่านี่คือขนมจีบต้นตำรับในความทรงจำของเฮีย และเป็นหนึ่งในด้านดังของชาวโซเชียลที่มักถ่ายคลิปให้เห็นคนต่อแถวกันยาวเหยียดรอชิม 

ร้านแปะเซียะ หน้าวัดมงคลสมาคม

ปิดท้ายภารกิจการกินที่ร้าน แปะเซียะ ที่หน้าวัดมงคลสมาคม ร้านนี้คนต่อแถวกันยาวมากเช่นกัน ขนมจีบของแปะเซียะมีรสพริกไทยชัดเจน ปัจจุบันแต่ละชิ้นมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมากตามราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น และเมื่อชิมขนมจีบแล้ว แวะเข้าไปดูสถาปัตยกรรมของวัดมงคลสมาคม หนึ่งในสี่วัดญวนในย่านเยาวราช-สำเพ็ง ซึ่งไฮไลต์คือ ลายซุ้มประตูหน้าพระพุทธรูป เป็นตราแผ่นดินเก่าสมัยล้านช้างกับมลายูยังเป็นส่วนหนึ่งของสยาม จึงมีรูปช้างและกริช ภายหลังเมื่อล้านช้างกลายเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และมลายูกลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ตราแผ่นดินจึงเหลือแค่ช้างสามเศียรเหมือนในหลังเหรียญบาทรุ่นเก่าเท่านั้น

ตราแผ่นดินเก่าในวัดมงคลสมาคม

ระหว่างทาง เฮียสมชัยพาแวะเข้าไปในอาคารเก่าซึ่งเดิมเป็นโรงงิ้ว ปัจจุบันเป็นลานจอดรถ ด้านบนเป็นอพาร์ตเมนท์ที่ยังใช้งานอยู่ ซึ่งมีผู้สันนิษฐานว่าตอนที่ ดร. ซุนยัดเซ็น มาเมืองไทยเพื่อพบปะกับกลุ่มชาวจีนในไทย ได้เข้าเฝ้าร. 6 สมัยที่ยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นมกุฎราชกุมารในอาคารแห่งนี้

บันไดโรงงิ้วเก่า

เดินจนจบแล้ว คณะกลับไปที่โรงแรมอาศัย (ASAI) ไชน่าทาวน์ เพื่อพบกับเซอร์ไพรซ์ก่อนกลับ คือ ขนมจีบเจ้าดังที่เราเดินผ่านแต่ยังไม่ได้ชิม หนึ่งในนั้น คือ ร้าน ยิ้มยิ้ม ซึ่งยังคงทำขนมจีบในรูปลักษณ์ดั้งเดิมของแต้จิ๋ว หรือฐานกว้าง ยอดแคบและจับจีบ เหมือนถุงใส่เงินโบราณ ไส้แน่น รวมทั้งของว่างที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้

ขนมจีบร้านยิ้มยิ้ม ที่โรงแรมอาศัย (ASAI) ไชน่าทาวน์

2 ชั่วโมงกับขนมจีบ 9 ร้าน แม้จะคลายข้อสงสัยหลายเรื่องทั้งวิถีชีวิต การเปลี่ยนแปลงในมิติต่าง ๆ ได้ส่วนหนึ่ง แต่ยังคงกระตุ้นความอยากรู้ให้หลาย ๆ คนกลับมาค้นหาข้อมูลต่อทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับอาหาร วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ การพัฒนาเมือง และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สำคัญคือ กระตุ้นให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและพร้อมรับมือเพื่อการดำรงอยู่อย่างมั่นคง

ผู้เข้าร่วม “เดินตามจีบที่เยาวราช”